By : Ruta
ข่าวดังรับเทศกาลสงกรานต์ที่ทำให้โลกโซเชียลร้อนระอุก็คือ กรณีนักท่องเที่ยวชาวไทยถูกบริษัททัวร์ลอยแพกลางสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 1,500 ชีวิต จากการซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงสงกรานต์ในราคาถูก ทว่ากลับไร้ซึ่งวี่แววของบริษัททัวร์และการรับผิดชอบ เหตุการณ์เรื่องคลี่คลายลงเมื่อเวลาผ่านไป สรุปว่าเป็นการซื้อทัวร์เที่ยวเหมาลำของบริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของนั้นถูกเรียกขานกันในโลกโซเชียลในเวลานี้ว่า “ทอมโชกุน”
 
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก SA Marisa ได้โพสต์คลิปวีดีโอจำนวน 2 คลิป ซึ่งระบุว่า ผู้ที่อยู่ในคลิปดังกล่าวเป็น ซินแสโชกุน เจ้าของธุรกิจขายตรง กำลังทำความเข้าใจกับสมาชิกถึงกรณีการเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยมีข้อความระบุว่า “โกหกหน้าตาย!! โฉมหน้าไอ่โชกุน ที่หลอกคนไปลอยแพที่สนามบิน!! บริษัทขายตรง หลอกให้คนซื้ออาหารเสริมหลักพันแล้วอ้างว่าจะได้ไป ญป ฟรี…ฟรีพ่องง!! คนเลวๆแบบนี้ต้องหาให้เจอ แล้วจับมาลงโทษประจาน! เจอหน้าแบบนี้ที่ไหน..กระทืบได้เลยค่ะ”
 
และแม้ว่าในที่สุด พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ จะถูกจับกุมและดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่โลกโซเชียลและผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังโจมตี เรียกขานกันต่อไปว่า ไอ้ทอมเลว ทอมโชกุน ทอมลวงโลก ไอ้ทอมพัท (ชื่อเล่นเดิมของโชกุน พสิษฐ์) คำถามคือ หากเป็นกรณีฉ้อโกง หรือคดีอื่นๆ เมื่อผู้ต้องหาหรือผู้กระทำความผิดเป็นผู้ชายผู้หญิงทั่วไป ทำไมจึงไม่มีการเรียกไอ้อีเหล่านั้นด้วยคำเหยียดเพศแบบนี้บ้าง ไม่เพียงแค่นั้น การโจมตีในคดีนี้ ยังเริ่มลุกลามไปถึงการเหยียดเพศในรูปแบบอื่น เช่น ด่าเหมารวมว่าทอมเป็นคนเลว ขี้เก๊ก ชอบหลอกลวงคนอื่น หรือด่าคะนองคีย์บอร์ดไปถึงเรื่องบนเตียง เป็นต้น


 
อย่างไรก็ตาม การนำเสนอบทความชิ้นนี้ไม่ได้ต้องการให้โจมตีผู้ที่โจมตีเหยียดเพศทอม แต่ต้องการให้เราตระหนักถึงอคติ มายาคติ และโฮโมโฟเบียที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณู เพราะแท้จริงแล้ว ที่เราเชื่อว่าเมืองไทยเปิดกว้างเรื่องเพศ ยอมรับ LGBT ได้มากแล้ว มันอาจจะไม่จริงเลย เช่นเดียวกัน การส่องกระจกสำรวจความคิดของตนเองในประเด็นนี้ ก็อาจจะทำให้เราพบว่า ตัวเราเองก็ไม่ได้เข้าใจหรือเปิดกว้างในเรื่องเพศเช่นกัน