• @TOM NEWS
  • Oct 2021

Q-Force สายลับเควียร์กับประเด็นความหลากหลายทางเพศในยุคนี้สมัยนี้

By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
Steve Marywhether หรือที่ทุกคนเรียกเค้าว่า “สายลับ Mary” รวบรวมทีมสายลับที่เต็มไปด้วยคนชายขอบขึ้นมา หลังจากถูกดองเค็มหน้าที่การงานเป็นเวลานับ 10 ปี เพราะเค้าดันเปิดตัวว่าเป็นเกย์ในวันจบหลักสูตรสายลับ และตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ Q-Force อันประกอบไปด้วย เกย์หนุ่มหล่อล่ำ (หมายถึงตัว Mary เอง), Deb เลสเบี้ยนผิวดำผู้รักภรรยาของเธอเหนือสิ่งอื่นใด, Stat แฮ็กเกอร์ต่อต้านสังคม และTwink เกย์สาวผู้มีอีกร่างเป็นแดรกควีนที่แปลงโฉมได้ทุกร่าง จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเค้าเป็นสายลับที่กอบกู้โลกได้ ทว่า V บอสใหญ่ผู้เชื่อมั่นในตัว Mary มาตลอด ยืนยันว่า ทีมของพวกเค้าต้องรับ Buck สายลับหนุ่มผู้แสดงท่าทีโฮโมโฟเบีย (เกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน) อย่างชัดเจนเข้าทีมด้วย!

ซีรีส์แอนิเมชั่นจาก Netflix ที่ตั้งใจขายความแปลกใหม่ของ “กลุ่มสายลับเควียร์” พร้อมท่าทีตลกร้าย เต็มไปด้วยมุกตลกวงในของชาว LGBTQ+ และการจิกกัดสังคม แต่เรากลับรู้สึกสนุกไปกับเส้นเรื่องแอ็คชั่นและภารกิจต่างๆ ของ Q-Force มากกว่ามุกเรียกเสียงหัวเราะต่างๆ ซะอีก ซึ่งส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นเพราะการพ่นคำพูดรัวเร็วของเกือบทุกตัวละคร และการยิงมุกรัวๆ ในทุกประโยคโดยไม่มีจังหวะพัก มันก็เลยไม่มีเวลาหยุดคิดเพื่อเก็ตมุกหรือหัวเราะอะไรเลย เพราะสมองต้องประมวลผลกับเรื่องที่เดินหน้าต่อไปอีกฉากแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ของ Q-Force ก็คือการนำเสนอตัวละครความหลากหลายทางเพศในบริบทปัจจุบัน เราจึงได้เห็นอะไรที่กว้างกว่าคำว่าเกย์ เลสเบี้ยน และปัญหาเดิมๆ ของพวกเค้า แต่มีเรื่องวัฒนธรรมแดรกควีนที่นำเสนอผ่านตัวละคร Twink, มีความสัมพันธ์รักใคร่ระหว่างมนุษย์กับระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่น่าจะแทนค่าได้กับการเป็น Pansexual ซึ่งหมายถึงคนที่เชื่อว่าความรักนั้นไม่จำกัดเพศ ไปจนถึงการนำเสนอประเด็นความเป็นชายเป็นพิษ (Toxic Masculinity) ที่ความเป็นชายนั้นกดทับตัวผู้ชายเองผ่านตัวละคร Buck แล้วก็ยังมีความคลุมเครือบางอย่างในเรื่องเพศและความสัมพันธ์ ซึ่งบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องจำกัดนิยามอะไรทุกอย่างไปก็ได้ด้วย

อย่างที่บอกไปว่าชอบการไขคดีและทำภารกิจของ Q-Force เพราะในขณะที่มันดูคุ้นๆ เพราะหยิบโน่นยืมนี่มาจากที่โน่นที่นี่เต็มไปหมด มันก็เอามาบิดเล่นให้สนุกขึ้น มีสีสันขึ้น และจิกกัดประเด็นต่างๆ อย่างสนุกสนาน อย่างเรื่องการใช้งานไพรด์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยที่คนจัดงานอาจจะไม่ได้อินอะไรกับประเด็นความหลากหลายทางเพศ บริษัทห้างร้านใหญ่โตทั้งหลายที่มาสนับสนุนงานไพรด์ก็ทำเพื่อเอาหน้า และอยากโปรโมทธุรกิจตัวเองมากกว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คนที่มางานไพรด์ก็ไม่ได้อินอะไรกับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแล้ว แค่อยากจะเมาและสนุก หรือสุดท้ายคนที่ร้ายกาจที่สุดก็คือคนที่เอ่ยปากบอกว่า ฉันรักพวกเธอชาว LGBTQ+ นั่นแหละ!

ดู Q-Force ได้ทาง Netflix