By : มานี

แค่ปล่อยตัวอย่างออกมาเพื่อเรี่ยไรเงินทุนเพิ่มเติมก็น่าสนใจมากแล้ว สำหรับ Inverness Or Bust ภาพยนตร์สารคดีย้อนรอยประวัติศาสตร์ทรานส์ที่ถูกลืมของสหราชอาณาจักร กับเรื่องราวของ 12 ผู้บุกเบิกเพื่อการเปลี่ยนแปลงในปี 1975 นี่คือเรื่องราวที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน จากปากของคนข้ามเพศชาวอังกฤษ ภายใต้การทำงานของ My Genderation โครงการผลิตภาพยนตร์ที่ไม่หวังผลกำไร

Inverness Or Bust เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพและความภาคภูมิใจของชาวทรานส์ หรือคนข้ามเพศในอังกฤษช่วงยุค 70s เล่าถึงการเดินทางแบบ Roadtrip ไปยังสก็อตแลนด์ของกลุ่มเพื่อนทั้งหมด 12 คน (ทั้งผู้ชายข้ามเพศ และผู้หญิงข้ามเพศ) โดยใช้รถยนต์ 2 คัน เพื่อไปพบแพทย์ที่จะยินดีดูแลสุขภาพให้แก่กลุ่มคนข้ามเพศในอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนข้ามเพศในอังกฤษถูกเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรง

นายแพทย์ Martin Whittet ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Craig Dunain Mental Hospital ในเวลานั้น เป็นแพทย์เพียงไม่กี่คนที่ยินดีรับรักษาและดูแลสุขภาพให้กับคนข้ามเพศโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งเขาเองก็ต้องต่อสู้อย่างหนักกับสังคมทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล

Stephen Whittle หนึ่งในกลุ่มชาวทรานส์ดังกล่าว และต่อมาก็เป็นส่วนหนึ่งของ Press For Change กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านทรานส์ ที่ช่วยให้เกิดพระราชบัญญัติการรับรู้เพศสภาพ ปี 2004 กล่าวว่า “คุณหมอ Whittet เป็นบุคคลที่น่าทึ่ง เพราะเขาปฏิบัติต่อเราเหมือนคนธรรมดา”

Fox Fisher โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์สารคดี Inverness Or Bust ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของงานชิ้นนี้ว่า "หลังจากที่ฉันได้มีส่วนร่วมในสารคดี My Transsexual Summer ในปี 2011 ซึ่งได้เปิดเผยบทสนทนาเกี่ยวกับคนข้ามเพศให้ผู้คนหลายล้านคนได้รับรู้ มีคนมากมายติดต่อเข้ามาปรึกษากับฉัน หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ Nemo (นามสมมุติ) ชายทรานส์สูงวัยคนหนึ่ง ตอนเราพบเขาครั้งแรกก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า Nemo ใช้ชีวิตเหมือนคนล่องหน และโดดเดี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อมาตลอด ที่น่าเศร้าคือ Alice เพื่อนสนิทของเขาซึ่งเป็นหญิงข้ามเพศวัย 83 ปี ก็เพิ่งจากไปในห้องนั่งเล่นของเขานั่นเอง หลังจากพบกันครั้งแรกวันนั้น เราก็เริ่มนัดเจอกันเรื่อยๆ เพื่อกินข้าวเที่ยงด้วยกัน และเขาก็เล่าเรื่องราวเหลือเชื่อของการเป็นคนข้ามเพศตั้งแต่อายุ 14 ปีของเขาให้เราฟัง"

“Nemo เล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องเกี่ยวกับหมอน่ากลัวคนหนึ่ง ผู้ซึ่งยังคงหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ และในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเล่าถึงคุณหมอใจดีอย่างคุณหมอ Whittet ซึ่งดูแลแผนกจิตเวช ที่โรงพยาบาลจิตเวชที่ Inverness ในขณะนั้น ซึ่งเขาเองก็รู้จักหมอ Whittet เพราะ Alice เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเป็นคนแนะนำ และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นโดยมี Alice เป็นหนึ่งในคนขับรถพาคนทั้ง 12 คน จาก Manchester ไปยัง Inverness” 

“มันเป็นเรื่องราวแสนทรงพลังที่จับใจผมมาก ผมครวญคิดถึงมันอยู่ตลอด จนวันหนึ่งผมก็รู้สึกว่าเรื่องราวนี้ต้องถูกบอกต่อให้ทุกคนได้รับรู้ หลังจากนั้นผมก็เริ่มติดต่อกับคนอื่นๆ ใน 12 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อรับฟังเรื่องราวของพวกเขาทั้งหมด แล้วนำมันมาร้อยเรียงต่อติดเป็นเรื่องเดียวกัน”

 

Carol และ Nemo แกนหลักของเรื่อง Inverness Or Bust

 

เหตุผลที่ Fox Fisher ต้องการจะถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเค้าในตอนนี้ก็คือ “เพราะในตอนนั้นพวกเขาไม่มีแพลตฟอร์มหรือความสามารถที่จะบอกใครได้เกี่ยวกับความอัปยศและการเลือกปฏิบัติต่อคนข้ามเพศอย่างรุนแรง พวกเขาหลายคนยังไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวนี้ได้ เรื่องราวของคนข้ามเพศนั้นไม่ค่อยได้รับการบอกเล่าโดยเฉพาะในบริบททางประวัติศาสตร์ คนข้ามเพศอยู่ในสังคมโลกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เราไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวของพวกเขา เพราะมันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ และที่ยิ่งกว่านั้นคือเรื่องของพวกเขายังถูกทำลายและปกปิดไว้ด้วยอีกต่างหาก จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ที่สังคมเริ่มเปิดใจฟังพวกเขา และเรามีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ได้ช่วยยกระดับเสียงของพวกเขาเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ของการข้ามเพศในสหราชอาณาจักร”

“สิ่งสำคัญที่เป็นดั่งหัวใจของ Inverness Or Bust คือบุคคล 3 ท่าน ได้แก่ Carol, Nemo และ Stephen ชีวิตพวกเขาผ่านเรื่องราวเหมือนๆ กันมา แตกต่างเพียงกาลและวาระ Carol เองเพิ่งฟื้นตัวจากมะเร็ง Nemo และ Stephen ก็ไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายปี เราตั้งเป้าหมายให้พวกเขาพบกับคนข้ามเพศรุ่นใหม่ทั่วสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างบทสนทนาให้เกิดขึ้นทั่วประเทศเกี่ยวกับปัญหาในปัจจุบัน และความท้าทายที่เรายังต้องเผชิญ แม้ว่าเราจะมาไกลพอสมควรจากตอนนั้น แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่เรายังต้องต่อสู้เพื่อมันและเราเชื่อว่าสิ่งนี้จะให้ความหวังสำหรับอนาคต”
 

Nemo ในปัจจุบัน และ Fox Fisher