• @TOM NEWS
  • Mar 2024

ภาพนายไม่เคยลืม Last Twilight ซีรีส์ที่ลงตัวในทุกมิติ

By : ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
สารภาพก่อนว่า ตอนซีรีส์ออนแอร์อยู่ เราดู EP แรก แล้วกระโดดข้ามไปดูอีกทีตอน EP 8 – 12 ดังนั้น เราก็เลยต้องย้อนกลับไปดูใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบอีกหน ซึ่งทำให้เราเห็นการหยอดรายละเอียดตัวละคร วางปม และเส้นทางที่ปูมาสู่เรื่องราวสุดบีบคั้นในช่วงท้ายๆ ที่มีมาตั้งแต่ EP แรกๆ ตรงนี้ตรงชื่นชมทีมเขียนบทมากๆ เลย คิดมาดีและทำได้ดีมาก

“ภาพนายไม่เคยลืม Last Twilight” เป็นซีรีส์ที่โปรยหัวมาตั้งแต่ตอนปล่อยทีเซอร์ว่า มันจะมาพร้อมความดราม่าน้ำตาแตก กับเรื่องราวของ “เดย์” นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติอนาคตไกล ที่อยู่ๆ ก็ประสบปัญหาทางสุขภาพ เข้าสู่ภาวะสูญเสียการมองเห็นอย่างช้าๆ แล้วมันก็ทำให้เค้าตัดขาดสังคม เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง และกลายเป็นคนช่างประชดประชัน มองโลกในแง่ร้าย จน “หมอก” หนุ่มอันธพาลที่เพิ่งออกจากคุกมาหมาดๆ สมัครเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงดูแล พวกเค้าจึงค่อยๆ จับมือกันก้าวออกไปดูโลกกว้าง พร้อมเรียนรู้กันและกัน ผ่านความสัมพันธ์ที่ยังมีอีกหลายบททดสอบรอพวกเค้าอยู่

“ซี - ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ” รับบทเป็นคนที่กำลังจะสูญเสียการมองเห็นได้ดีมากๆ แล้วพอตัวละครมีพัฒนาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีมิติซับซ้อนทางอารมณ์หลายชั้นหลายเลเยอร์ การแสดงของซีก็ทำให้เราเชื่อและเข้าใจเดย์ได้หมดจด ส่วน “จิมมี่ – จิตรพล โพธิวิหค” แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะทำให้เราเชื่อได้ยากว่านี่คือหนุ่มแบด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความอบอุ่นและห่วงใยสไตล์พี่หมอก ก็ทำให้เราเชื่อว่าเค้าคือคนที่สามารถปกป้องดูแลเดย์ได้จริงๆ แล้วเห็นด้วยเลยว่า น้ำเสียงของจิมมี่เหมาะกับคาแร็คเตอร์นี้มาก ไม่เฉพาะแค่นักแสดงหลัก แต่นักแสดงรายล้อมของเรื่องก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก อยากจะชื่นชม “น้ำตาล – ทิพนารีวีรวัฒโนดม” เป็นพิเศษ เลือดเนื้อของตัวละครหญิงอย่าง “พอใจ” ถูกเติมเต็มด้วยการแสดงของเธอ แล้วชอบมากๆ ที่ตัวละครผู้หญิงในเรื่องต่างสะท้อนซึ่งกันและกันแบบนี้

ดูงานพี่ออฟ (นพณัช ชัยวิมล - ผู้กำกับซีรีส์) มาหลายชิ้น ไม่มีข้อกังขาอะไรถึงเรื่องการบีบคั้นอารมณ์คนดูหรอก เพราะจนถึงตอนนี้ เราก็ยังน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ดู EP.9 (ไปดู Reaction ของช่องอื่น ก็น้ำตาไหล) แต่ก็อยากจะให้เครดิตโหมดโรแมนติกกับพี่ออฟด้วยเหมือนกัน เพราะทำได้น่ารักมาก ตัวตนของพี่ออฟที่ชอบทำเซอร์ไพรส์ ชอบความโรแมนติก ผสมกับความขี้เล่น กวนตีน และทะลึ่งตึงตัง ยังมีอยู่ใน “ภาพนายไม่เคยลืม” ครบ แล้วเรามองเห็นตัวพี่ออฟในตัวหมอกบ่อยๆ ในหลายๆ ฉากเลยล่ะ - เพิ่มเติมอีกนิดว่า พอให้ตัวละครมองไม่เห็นแล้ว ซีนโรแมนติกอะไรต่างๆ มันพิเศษกว่าซีรีส์เรื่องอื่นจริงๆ ด้วย การได้กลิ่น-การสัมผัส มันมากกว่าแค่ส่วนประกอบสร้างซีน แต่มันคือเรื่องสำคัญของความรู้สึกของตัวละครเลย

อันที่จริง เรานั่งถกเถียงกับเพื่อนถึงตอนจบของซีรีส์อยู่เหมือนกันนะ ด้วยเสียงติติงว่า ไม่จำเป็นต้องให้เดย์กลับมามองเห็นก็ได้ เพราะในช่วงท้ายๆ ของซีรีส์ก็ดูเค้ายอมรับและใช้ชีวิตในฐานะคนตาบอดได้แล้ว แล้วมันน่าจะส่งเสริมและสร้างพลังให้กับผู้พิการทางสายตาได้มากๆ เลย หากตัวละครสามารถมีความสุขกับชีวิตเช่นนั้นได้ แต่สำหรับเรา เรากลับคิดว่า ในเมื่อซีรีส์มันพูดถึง “ความหวัง” และ “โอกาส” มาตลอด การที่จะให้ตัวละครสมหวังเสียที หลังจากผิดหวังมาซ้ำๆ หลายครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไร แถมมันยังตรงกับสิ่งที่ซีรีส์ต้องการจะสื่อสารมากกว่า เพราะเราทุกคนควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง แม้วันนี้อาจจะยังไม่ใช่วันของเรา มีเรื่องทุกข์ทนทรมาน หรือต้องผิดหวังเสียใจ แต่สักวัน มันจะเป็นวันที่เป็นวันของเรา วันที่แสงสว่างสาดส่องลงมา ดังนั้น จงรอคอยอย่างมีความหวัง และใช้ชีวิตให้เต็มทีในทุกๆ วัน